จากโค้ชอิสระและที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ สู่ผลงานหนังสือ พัฒนา Mindset ความสำเร็จ

2248 จำนวนผู้เข้าชม  | 

จากโค้ชอิสระและที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ สู่ผลงานหนังสือ พัฒนา Mindset ความสำเร็จ

ไม่ว่าคุณกำลังอ่านบทสัมภาษณ์นี้อยู่ และกำลังจะอ่านบทสัมภาษณ์นักเขียนท่านต่อไป ทุกบทสัมภาษณ์คือ จุดเริ่มต้นและแรงบันดาลใจ ในการทำหนังสือซึ่งเป็นสิ่งพิเศษ และสำคัญสำหรับนักเขียนแต่ละท่านซึ่งอาจไม่เหมือนกัน แต่เบื้องลึกที่สุด สำนักพิมพ์วิชเห็นด้วยว่า นักเขียนทุกท่านต่างอยากจะฝากอะไรบางอย่างให้ไว้กับโลกใบนี้เหมือนกัน ดังที่คุณตุล(ธนพร โถวรุ่งเรือง) ผู้เขียนหนังสือ Power of Vision Board เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปัง ด้วยพลังจากรูปภาพ ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักพิมพ์วิชและเปิดประเด็นที่น่าสนใจนี้เอาไว้

 


บทบาทหน้าที่หลักช่วงที่เขียนหนังสือ Power of Vision Board

สวัสดีค่ะ ชื่อ ตุล นะคะ ชื่อที่ใช้เขียนหนังสือคือ Tara Thow (อ่านว่า ทาร่า โถว) ย่อมาจากชื่อจริงภาษาไทยที่พ่อแม่ตั้งให้ คือ ธรพร โถวรุ่งเรือง ค่ะ ตุลอยู่ที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียค่ะ


ตอนที่ติดต่อคุณบุ๋มไปครั้งแรกเลย ตอนนั้นทำงานอิสระเป็นที่ปรึกษาด้านสินเชื่อ แต่อยู่ในช่วงที่ล้า ๆ รู้สึกไม่ค่อยสนุกกับงานที่ทำ อยากหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ (3 ปีผ่านไป ตอนนี้เปิดโรงเรียนสอนภาษาไทยให้เด็ก ๆ ที่เกิดต่างประเทศร่วมกับเพื่อน)

 

แรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือ Power of Vision Board

ตุลได้รับแรงบันดาลใจมาจากสัมมนาของ Tony Robbins ที่เขาบอกว่า “วันหนึ่งเราทุกคนก็ต้องตาย และในวันที่เราตายไปแล้ว ความรู้ ประสบการณ์ ทุกอย่างของเรามันก็จะหายไปจากโลกนี้ด้วย วันหนึ่งทุกคนจะลืมเรา ถ้าเราไม่ได้ทิ้งอะไรบางอย่างไว้ให้โลกใบนี้”


เขาเรียกสิ่งนั้นว่า Legacy มันคือตำนาน มันคือสมบัติอะไรบางอย่างที่เราได้ทิ้งไว้ เพื่อทำให้โลกใบนี้ดีขึ้น ถ้าเราทำแบบนั้นได้ ในวันที่เราไม่อยู่แล้ว เราก็ไม่ต้องเสียดายชีวิตที่ผ่านมาแล้ว เพราะเราได้ใช้มันอย่างเต็มที่ และเราได้ส่งต่อสมบัติที่มีค่าไว้ให้ลูก หลาน คนรอบข้าง แล้วก็โลกใบนี้แล้ว

หนังสือ ก็เป็น Legacy อย่างหนึ่ง ฟังเสร็จแล้วก็ไฟลุกเลย ตุลมีลูกชายอายุ 7 ขวบ แล้วตอนนั้นก็ใช้ชีวิตมาถึงจุดที่พอจะเรียกว่าประสบความสำเร็จได้ในระดับหนึ่ง ตุลก็คิดนะว่าถ้าวันที่เราไม่อยู่แล้ว มันจะมีความรู้อะไรที่เราจะทิ้งไว้ให้เขาได้บ้าง


ตอนที่คุยกับคุณบุ๋มครั้งแรก คิดว่าจะเขียนเรื่องการเงินสำหรับเด็ก (ด้วยความที่ทำงานไฟแนนซ์มาก่อนเนอะ) แต่พอเดินไปเดินมา แล้วเห็น Vision Board ที่บ้าน ก็เลยคิดได้ว่า ตุลเป็นคนที่ทำ Vision Board แล้วได้ผลมาก ๆ ถ้าจะให้มรดกอะไรลูกสักอย่าง ก็ต้องเป็นเรื่องนี้แหละ

 

 

ภาพรวมเนื้อหาของหนังสือ Power of Vision Board

เป็นศาสตร์ผสมระหว่างการค้นหาตัวเอง หลุดออกจากความฝันมหาชน ประเภทบ้านหลังใหญ่ รถหรู แฟนหล่อ ของแบรนด์แนม ตุลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก เพราะถ้าเราฝันตามคนอื่นไปเรื่อย ๆ ในวันที่เราได้มา ความสุขมันก็จะอยู่กับเราได้ไม่นาน แต่ถ้ามันเป็นเป้าหมายที่มาจากข้างในตัวเราจริง ๆ ความอิ่มเอมใจมันจะอยู่กับเราไปตลอด

กับอีกส่วนหนึ่งคือเรื่องของ Mindset ของคนสำเร็จ แค่ฝันอย่างเดียวมันไม่พอ ชัดเจนจนเป็นภาพอย่างเดียวก็ยังไม่พอ แต่เราต้อง Hold ความฝันนั้นให้ได้ด้วย และการที่เราจะโอบกอดความฝันไว้ได้แม้ในวันที่อะไร ๆ ก็ไม่เป็นใจ เราต้องมี Mindset ของคนสำเร็จด้วย เราถึงจะฝ่าฟันอุปสรรคตรงหน้าไปได้

ด้วยงานหลักและภารกิจหลักที่มีอยู่มากมาย มีเทคนิคจัดสรรแบ่งเวลาให้กับงานเขียนอย่างไร

ส่วนใหญ่ตุลจะเขียนตอนกลางคืนค่ะ กับช่วงวันหยุด จำได้ว่าขนาดไปเที่ยวญี่ปุ่นกับลูกยังเอางานเขียนไปด้วยเลย แต่งานตุลไม่ได้เร็วนะคะ ตุลใช้เวลา 1 ปีเต็ม กว่าจะได้ดราฟท์แรกออกมา หลังจากนั้นก็ได้ทีมงานของ Wish ช่วยบรรณาธิการให้จนออกมาเป็นรูปเล่มที่สมบูรณ์แบบนี้ (ขอบคุณคุณนุช คุณบุ๋ม แล้วก็ทีมงาน Wish ทุกคนที่ช่วยดูแลต้นฉบับ Power of Vision Board: เปลี่ยนชีวิตให้เป๊ะปังด้วยพลังจากรูปภาพ เล่มนี้ด้วยนะคะ)

 


ในกระบวนการการจัดเตรียมข้อมูล พิจารณาแนวทางในการเขียน และมีการวางแนวทางในการออกแบบหนังสือ Power of Vision Board อย่างไร

ช่วงนั้นตุลว้าวกับหนังสือเล่มหนึ่งมาก (สำเร็จได้สไตล์คนขี้เกียจ) เป็นหนังสือเปลี่ยนชีวิตตุลเล่มหนึ่งเลย ตอนเขียนของตัวเอง ทั้งการแบ่งบท การแทนตัวเอง และสไตล์การเล่าเรื่อง ก็จะได้แรงบันดาลใจมาจากเล่มนี้เยอะมาก

ส่วนเนื้อหาในเล่มนี่ Research หนักมากค่ะ ถึงในหนังสือจะเขียนด้วยคำว่าผู้เขียนเป็นส่วนใหญ่ แต่จริง ๆ แล้วตุลศึกษาเยอะมาก คือตุลเองก็สนใจศาสตร์พัฒนาตัวเอง ทั้งอ่าน ทั้งเรียนแนวนี้มาตลอดอยู่แล้ว ตุลจบ NLP มาจาก 2 สถาบันเลยนะ (ยิ้มแบบภูมิใจ) แล้วก็ยังมีคอร์สของโค้ช ของครู ทั้งดัง ทั้งไม่ดัง ทั้งไทย ทั้งออสเตรเลีย อีกเยอะแยะที่พูดถึงวิธีการไปถึงชีวิตในฝัน

แล้วไม่ได้เขียนจากความรู้เก่าด้วยนะคะ ช่วงที่เขียนต้นฉบับนี่ตุลอ่านหนังสือทุกเล่ม ลงทุกคอร์ส ฟังทุกคลิปใน YouTube ที่มีคำว่า Vision Board เลย ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีแนวคิดซ้ำ ๆ กัน ตอนนั้น Search คำว่า Vision Bord ใน Google แล้วไล่อ่านทุกบทความที่ขึ้นมาเลย ไม่ได้อ่านแค่ 2-3 หน้าแรกด้วยนะ ตุลอ่านทุกหน้าที่ขึ้นมา ซึ่งเนื้อหามันก็จะซ้ำไป ซ้ำมา เห็นแล้วก็จะอ้วก เพราะมันน่าเบื่อมาก แต่ก็ยังอ่านต่อไป เพื่อหาแนวคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เราอาจจะลืมไปหรือไม่เคยรู้มาก่อน

เท่านั้นยังไม่พอ ตุลมีเพื่อนที่สนใจศาสตร์การพัฒนาตัวเองอยู่ 4-5 คน ส่วนใหญ่ก็จะรู้จัก Vision Board กันอยู่แล้ว ก็แลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน มีคนหนึ่งบอกว่าเคยเรียนคอร์ส Vision Board มาเลย ตุลก็ถามเขาว่าครูสอนอะไร ก็เอามารวม ๆ กัน จนกลายเป็นวัตถุดิบในการเขียน

ตอนนั้นคิดว่านี่คือ Legacy ของเรา ถ้าใครอยากรู้เรื่อง Vision Board เล่มนี้จะต้องรวมองค์ความรู้ไว้ให้หมด เพราะตุลอ่านเยอะจริง ๆ อ่านแทนทุกคนมาหมดแล้ว และมั่นใจมาก ว่าข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Vision Board ในตอนนั้น ผ่านหูผ่านตาตุลมาหมดแล้ว แต่บางส่วนก็ต้องกรองออก อาจจะเพราะเราไม่เชื่อ หรือไม่ก็เราไม่มีประสบการณ์

 

 

สิ่งที่อยากจะฝากถึง ผู้ที่ไม่ได้เป็นนักเขียนมืออาชีพ และอยากมีผลงานหนังสือเป็นของตัวเองบ้าง ควรเริ่มหรือควรเตรียมตัวอย่างไร

ฝากเป็น Quote จาก Benjamin Harvey (ครูคนล่าสุดของตุล) ละกันค่ะ เขาบอกไว้ว่า “เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับเพลง 1 เพลง มันเป็นเพลงที่เพราะมาก ๆ และมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และมีแต่เราเท่านั้นที่จะเล่นมันออกมาได้ แต่น่าเสียดายที่บางคนก็ไม่เคยเอามันออกมาเล่นให้โลกใบนี้ได้ฟัง แล้วก็ตายไปพร้อมกับเพลงพิเศษของตัวเอง”

เชื่อไหมว่า บนโลกใบนี้มีใครสักคน หรือหลายคน ที่กำลังตามหาคำตอบในเรื่องที่คุณรู้อยู่ แค่คุณเล่ามันออกมา คุณก็สามารถช่วยเขาได้แล้ว ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่แน่ใจ คุณอาจจะคิดว่าจริงดิ ? แต่ในวันที่คนส่งข้อความมาขอบคุณ คุณจะเข้าใจความหมายของมันค่ะ

ไม่ว่า (คุณจะคิดว่า) เรื่องเล่าของคุณมันเล็กน้อยแค่ไหน แต่จะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ได้ประโยชน์จากมันค่ะ

และถ้าเรื่องของคุณยิ่งใหญ่ คุณยิ่งต้องเล่ามันออกมา แล้วมันจะกลายเป็น Legacy ของโลกใบนี้ (ยิ้ม)

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้