จากใจคนทำงานประจำ สู่หนังสือเพราะการลาออกไม่ใช่แค่เดินไปบอกเจ้านาย

416 จำนวนผู้เข้าชม  | 

จากใจคนทำงานประจำ สู่หนังสือเพราะการลาออกไม่ใช่แค่เดินไปบอกเจ้านาย

1 เมษายน 2566 : ณ สัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 51 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 21 ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ สำนักพิมพ์วิช แถลงข่าวเปิดตัวหนังสือ “เพราะการลาออกไม่ใช่แค่เดินไปบอกเจ้านาย”  ผลงานโดย คุณมนตรี ร่มโพธิ์ ผู้ที่ผ่านช่วงเวลาแห่งการลาออกจากงานประจำ ที่ทำมาเกือบ 20 ปี สู่การเก็บข้อมูลและกลยุทธ์เพื่อให้การลาออกจากงานนั้นเปี่ยมไปด้วยความพร้อมและสามารถก้าวข้ามไปสู่เส้นทางนอกงานประจำได้อย่างมีความสุขและสำเร็จ โดยงานนี้ได้รับความรู้จากแขกรับเชิญพิเศษ ศาสตราจารย์ ดร. นภดล ร่มโพธิ์ เจ้าของหนังสือ Best Seller เจ้าของ Nopadol’s Story Podcast และคุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์วิช มาร่วมเสวนาถึงงานประจำและการสร้างทางเลือกตามที่หนังสือเล่มนี้กล่าวไว้ได้อย่างน่าสนใจ

 


ศาสตราจารย์ ดร. นภดล ร่มโพธิ์ เจ้าของหนังสือ Best Seller และ Nopadol’s Story Podcast กล่าวว่า ผมกับน้องชาย (คุณมนตรี) สนิทกัน คุยกันมาตลอด และเห็นว่างานประจำของเขานั้นหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเขาก็ออกมา ผมเห็นว่า ไหน ๆ เตรียมการแล้ว ออกมาแล้วมีผลลัพธ์ที่ดี เราน่าจะเล่าให้คนอื่นฟังด้วย ว่าสิ่งที่เราทำมันมีอะไรบ้าง ก็เลยแนะนำว่าลองเปิดเพจเพื่อแชร์เป็นความรู้ให้ทุกคน ซึ่งเขาก็เขียนทุกวัน คนก็แชร์มากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงจุดหนึ่ง ผมก็แนะนำว่า เขียนเป็นหนังสือเล่มเลยดีกว่า เพื่อจะเข้าถึงผู้อ่านทุกคนได้กว้างขึ้น เขาเลยเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ซึ่งผมก็เป็นคนแรกที่ได้อ่าน อ่านแล้วสนุกเห็นภาพ เพราะเราก็ทำงานประจำเป็นอาจารย์ จึงเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะเข้าถึงคนได้เยอะ และน่าจะช่วยคนได้ โดยเฉพาะคนที่รู้สึกว่าไม่มีความสุขกับการทำงาน

คำว่า “ลาออก” ถ้าเราไม่ได้คิดอะไร มันก็ดูง่าย เบื่อแล้ว ออกเลยดีกว่า แล้วค่อยมานั่งคิดว่า ตอนนี้เราจะทำอะไรดี ผมว่ามันเสี่ยง โดยเฉพาะคนที่มีภาระ เช่น บางคนมีครอบครัว มีบ้าน มีรถที่ต้องผ่อน มีคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแล การลาออกไม่ได้ผิด แต่คุณควรคิดก่อนสักนิด ควรวางแผนให้ดี ซึ่งถ้าคุณวางแผนดี คุณสามารถเลือกได้ว่า ไม่ออกก็ได้ หรือจะออกก็พร้อมนะ แบบนี้ผมมองว่าดีกว่าเราไม่วางแผนครับ

หนังสือเล่มนี้ บางคนบอกว่าเรายังไม่ลาออก เรายังไม่จำเป็นต้องอ่าน จริง ๆ แล้ว ไม่ลาออก ก็ควรอ่านนะ เพราะคุณไม่รู้หรอก บางทีคุณไม่ได้อยากลาออก แต่เขาอาจจะให้คุณออกก็ได้ เพราะฉะนั้นประเด็นมันคือการเตรียมตัวว่า วันหนึ่งถ้าเขาให้เราออก เราก็จะไม่เดือดร้อน เพราะเราเตรียมไว้หมดแล้ว เรามีทางเลือก ซึ่งย่อมดีกว่าอยู่แล้ว เห็นชื่อหนังสือ แล้วอาจคิดว่า เอาไว้อ่านตอนลาออก ซึ่งบางทีมันสายไป มันอาจจะไม่ทันก็ได้

ถ้าถามว่ามีการประเมินไหม ผมคิดว่าเราอาจต้องถามตัวเราเอง เอาง่าย ๆ เลย เช้าวันจันทร์รู้สึกอย่างไร ถ้าเกิดเช้าวันจันทร์ คือวันธรรมดาวันหนึ่ง ที่ไม่ต่างจากเช้าวันเสาร์หรืออาทิตย์ ก็ไม่มีปัญหา แต่หลายคน พอเข้าบ่ายวันอาทิตย์ จะเห็นโพสต์มืดมนถึงเช้าวันจันทร์ แปลว่าไม่ค่อยดีแล้ว ที่เราว่า Safe มันไม่ Safe หรอก ดูเริ่มอึดอัด ทรมาน

 


ผมว่าถ้ามาถึงจุดนั้นควรจะต้องพิจารณาดูแล้ว แต่ไม่ใช่ว่ากระโดดออกเลย ผมย้ำว่าไม่ต้องให้ถึงจุดนั้น การเตรียมความพร้อมเรื่องการเงิน การเตรียมพร้อมเรื่องการใช้ชีวิตมันควรทำตั้งแต่เรากำลังสนุกกับงานอยู่นี่แหละ ไม่มีใครว่าหรอก ว่ากำลังทำงานมีความสุขแล้วห้ามเก็บเงินนะ ไม่มี เก็บเลย ทำทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้ เราจะทำงานจนเกษียณก็ไม่มีใครว่าอะไร ไม่เดือดร้อน เรามีเงิน มีรายได้ แต่วันหนึ่งถ้ามันไม่ใช่ บริษัทอาจปรับโครงสร้าง อาจถูกยุบ เราก็ไม่กระเทือนมากเพราะเตรียมไว้หมดแล้ว คนที่ไม่เตรียมอะไรไว้เลยเลย ออกมาแล้วไม่รู้จะทำอะไร จะน่ากลัวกว่า

ส่วนคนที่บอกว่าไม่มีเงินเก็บแต่อยากลาออก ผมว่าปัญหาแบบนี้คือปัญหาที่ทุกคนเจอ มันเป็นวัฏจักร คือ เริ่มต้นทำงานโอเค สักพักเบื่อ ความคิดลาออกโผล่ขึ้นมา แล้วก็มาคิดเรื่องหนี้ คิดเรื่องเงิน ฉันออกไม่ได้หรอก แล้วก็วนกลับไปอยู่ในวัฏจักรนี้เหมือนเดิม ประเด็นคือ อยากให้ลองอ่าน (ไม่จำเป็นว่าเฉพาะต้องเล่มนี้นะครับ เล่มไหนก็ได้) ว่าคนที่เขาออกจากวงจรนี้มาได้ เขาทำอย่างไร ? อย่างคุณมนตรี เขาก็มีหนี้ เขาก็เคยอยู่ในวัฏจักรนี้ แต่เขาทำได้ เพราะฉะนั้นการอ่านหนังสือ ผมว่ามันเป็น Short Cut อย่างหนึ่ง ที่เราสามารถหยิบยกประเด็นที่เขาเขียนมาคิดทบทวนว่านำไปใช้กับตัวเราเองได้ไหม

แน่นอนว่าไม่มีใครเหมือนกัน 100% บางคนอาจเป็นหนี้หนักมาก บางคนอาจไม่ได้หนักเท่านี้ แต่อย่างน้อย ๆ ผมว่าไอเดียจากการอ่านหนังสือ ช่วยทำให้เราหาทางออกได้เร็วขึ้นกว่าการที่เรามานั่งคิดเอง ซึ่งเราก็คิดมาตลอดแต่ไม่เคยหาทางออกได้เลย ผมถึงชอบอ่านหนังสือ เพราะหนังสือถูกกลั่นมาจากประสบการณ์ ของคน ๆ หนึ่งที่ได้คิดได้ทำมาแล้ว แล้วเรานำมาปรับใช้กับเราได้ 80% อีก 20% เราไม่เหมือนเขาก็ทิ้งไว้ 80% ก็มีประโยชน์กว่า 0% เพราะฉะนั้นผมมองในมุมนี้ครับว่า ถ้าเราไม่ทำอะไรเราก็เหมือนเดิม ถ้าเราเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ หนังสือเล่มนี้ไม่ได้บอกให้ออกพรุ่งนี้เลยนะครับ การออกแบบนั้นเป็นอันตรายจริง แต่ไม่ได้แปลว่าเราจะอยู่เฉย ๆ แค่นั้นเองครับ ผมว่าการที่เราเริ่มขยับผมว่าเป็นอะไรที่น่าจะลองดูครับ

ผมเชื่อว่าหนังสือเล่มหนึ่งมันเปลี่ยนเราได้ อาจจะไม่ได้ทั้งเล่ม บางทีอาจเป็นบางประโยค บางมุมมองในเล่ม แต่มันทำให้เรามองไปข้างหน้า หรือตัดสินใจอะไรดี ๆ ได้หลายอย่าง ผมเจอคำบางคำที่ทำให้ผมพลิกชีวิตหรือพลิกความคิดมา ผมว่าอย่างที่เราคุยกันมาตลอด การลาออก บางทีมันอาจไม่ใช่ทางเลือก บางทีมันอาจเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เขาอาจให้เราออกก็ได้ เพราะฉะนั้นหนังสือเล่มนี้ คล้าย ๆ เป็นการวางแผนชีวิต เป็นแผนสำรองของเรา ว่าถ้าวันหนึ่งต้องออกก็ไม่เดือดร้อน อีกส่วนหนึ่งของหนังสือที่ผมชอบคือเรื่อง Mind Set เรื่องวิธีการคิดว่าทำอย่างไรเราถึงจะเก็บเงินได้ ไม่ใช่แค่เรื่องเก็บเงิน แต่มีวิธีคิดบางอย่าง เช่น บางเรื่องคุณไม่ต้องประหยัดก็ได้นะ ถ้ามันเป็นความสุขของคุณ เป็นต้น ผมว่ามันมีหลาย ๆ มุมมองที่น่าสนใจอยู่ในหนังสือเล่มนี้ ลองพิจารณาดูครับ เผื่อจะช่วยทำให้เราทำงานอย่างมีความสุข ทั้งคนที่ทำงานประจำ หรือคนที่อยากจะลาออกก็ตามครับ

 


คุณมนตรี ร่มโพธิ์ ผู้เขียนหนังสือ “เพราะการลาออกไม่ใช่แค่เดินไปบอกเจ้านาย” เจ้าของเพจ “งานประจำวันสุดท้าย” กล่าวว่า อยากบอกว่าหนังสือเล่มนี้ เหมาะกับวัยทำงานทุกคน เพราะเป็นหนังสือที่เกี่ยวกับการสร้างทางเลือกให้กับตัวเอง ซึ่งกลุ่มแรกที่ควรอ่าน ก็คือ คนที่ไม่มีความสุขกับการทำงาน โดยหนังสือเล่มนี้จะบอกถึงวิธีการเตรียมตัวสร้างทางเลือกให้กับตัวเราเอง เช่น การหารายได้ การจัดการค่าใช้จ่าย การจัดการภาระหนี้สินที่มีอยู่ การสำรองค่าใช้จ่าย การโอนถ่ายความเสี่ยง ก็คือจะเขียนไว้ในหนังสือเล่มนี้ทั้งหมด ถ้าเราลาออกโดยที่เราไม่ได้เตรียมตัวเลย เราอาจไม่ได้มีความสุขกับสิ่งที่ทำหลังลาออกก็ได้ หนังสือเล่มนี้อาจจะช่วยคนที่ไม่มีความสุขกับการทำงาน สามารถสร้างทางเลือกให้กับตัวเองได้ครับ

ย้อนกลับไปสมัยที่ผมจะลาออก ตอนนั้นคิดมานานมากครับ เพราะก่อนที่จะลาออก ผมมีการวางแผน คือคิดว่า ถ้าลาออกมาแล้ว ถ้าไม่มีงานประจำแล้ว ไม่มีเงินเดือนเหมือนเดิม ผมจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ผมคิดหาวิธีปิดความเสี่ยงตรงนั้นทั้งหมด เช่น เราสามารถทำงานเสริมควบคู่ไปกับการทำงานประจำได้ และอาจจะสร้างความมั่นคงให้กับเราได้ เป็นต้น ถามว่าผมลาออกมาแล้วประสบความสำเร็จหรือเปล่า ก็ระดับหนึ่ง เพราะผมได้ทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ เช่น ออกหนังสือเล่มนี้ ครับ

คำว่า Safe Zone ผมว่าเป็นกันทุกคน ผมเป็นคนหนึ่งที่ตอนแรกก็ไม่กล้าออกจาก Safe Zone แต่ว่าการออกจาก Safe Zone ต้องมีการเตรียมตัว ต้องมีการเตรียมพร้อม ถ้าเกิดว่าเรามีการเตรียมพร้อมที่ดี แล้วเราลองก้าวออกมาจาก Safe Zone ตรงนั้น บางทีโลกข้างนอกอาจจะดีกว่า Safe Zone ที่เราเคยอยู่ก็ได้ เพราะถ้าเราทนทุกข์อยู่ใน Safe Zone โดยที่ไม่มีความสุขกับมัน เราก็ลองออกมาข้างนอกดู แต่การออกมาก็ต้องเตรียมตัวให้ดี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ จะกระโดดออกมาเลย มันอาจจะพังเลยก็ได้

 


แผนการในหนังสือเล่มนี้ ส่วนใหญ่จะเน้นเกี่ยวกับด้านการเงินของเราเอง คนที่ไม่กล้าลาออก ส่วนมากจะติดว่าแล้วเราจะเลี้ยงชีพยังไง ขั้นตอนในหนังสือจะเริ่มจาก เราต้องค้นหาตัวเองก่อนว่าเราชอบอะไร ไม่ใช่ว่าเราลาออกมาแล้วเราไปทำอย่างอื่น แล้วเราก็ไม่ชอบอีก เราก็ไม่รู้จะทำยังไงต่อไป เพราะฉะนั้นสิ่งแรกคือต้องค้นหาตัวเองให้เจอ ต่อมาก็ต้องจัดการค่าใช้จ่ายของเรา การหารายได้ใหม่จากช่องทางไหนบ้าง การจัดการกับหนี้สิน การเก็บเงินสำรองเพื่อยากฉุกเฉิน การโอนถ่ายความเสี่ยง คือมีหลายขั้นตอนมากที่เราต้องเตรียม อย่างที่บอกหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้เฉพาะแค่คนที่อยากจะลาออกเท่านั้น คนที่ทำงานเองถ้ามีแผนเหล่านี้ เราก็จะมีทางเลือก ถ้าเกิดต้องออกจากบริษัทไป อย่างน้อยเราก็มีทางเลือกทางอื่นด้วย

ผมคิดว่าทุกคนมีอิสระในการเลือกวิถีชีวิตของตัวเอง เพียงแต่ว่าเราต้องสร้างทางเลือกของตัวเองขึ้นมาก่อน ซึ่งหนังสือเล่มนี้จะบอกถึงวิธีในการสร้างทางเลือก การเตรียมตัวของเรา เพื่อที่เราจะได้มีทางเลือกในการใช้ชีวิตที่อิสระมากขึ้น ถ้าทุกคนสามารถตื่นมาในเช้าวันจันทร์แล้วรู้สึกเหมือนเช้าวันเสาร์ แค่นี้ผมก็ถือว่าหนังสือเล่มนี้ช่วยทุกคนได้มากแล้ว ก็อยากให้ลองอ่านกันดูนะครับ

 


คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหารสำนักพิมพ์วิช กล่าวว่า ตอนเห็นต้นฉบับที่คุณมนตรีส่งมาให้ คือมันตรงกับยุคนี้เลย โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 ที่มีคนโดนเชิญออกก็เยอะ คนออกเองก็เยอะ หนังสือเล่มนี้มาเพื่อตอบโจทย์ตรงนั้นเลย แบบที่ อ.นภดล บอกเมื่อสักครู่ ลาออกแบบไม่ได้วางแผน ทุรนทุรายทุกราย ส่วนมากก็ต้องกลับเข้าระบบงานประจำอีก เรามักจะเห็นว่า คนที่บ่น ๆ มักไม่ลาออก แต่คนที่เงียบ ๆ ซุ่มวางแผน คือ คนที่ลาออกแน่ หนังสือเล่มนี้เขียนมาเพื่อให้คนที่กำลังตัดสินใจลาออก ได้ตระหนักและเตรียมตัว เพราะการลาออกจากงานเป็นเรื่องง่ายนิดเดียว แต่หลังจากนั้นคือเรื่องดราม่าล้วน ๆ แต่สำหรับคนที่วางแผน เขาจะสามารถลาออกจากงานมาได้อย่างมั่นคง สบายและมีทางเลือกมากมาย อย่างเช่น คุณมนตรี เป็นต้น ยุคปัจจุบันความกดดันเรื่องการทำงานต้องบอกว่าสูงมาก ยิ่งเศรษฐกิจไม่ดี ยิ่งเครียดยิ่งกดดัน คนทำงานก็ต้องวางแผนดี ๆ มองตัวเองดี ๆ ว่าจะไปต่ออย่างไร อย่างที่ย้ำว่า ลาออกง่ายนิดเดียว แต่ออกให้รอด มันยากมากค่ะ


หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือที่อ่านจบเร็วมาก อ่านแล้วเหมือนกับเราได้ย้อนเวลากลับไประลึกถึงสมัยทำงานประจำ ซึ่งตอนนั้นไม่มีหนังสือดี ๆ แบบนี้มาบอกเราว่า หนึ่ง สอง สาม ต้องเตรียมตัวอย่างไร ด้วยความที่เราเป็นนักอ่าน นักวางแผน ยิ่งเห็นว่าดีมาก ๆ เลย ที่หนังสือเล่มนี้จะมาเป็นข้อมูลการเตรียมการให้ทุกคน คือไม่ได้เชียร์ให้ลาออกนะคะ แต่เชียร์ให้มีการเตรียมตัว เพราะในปัจจุบัน ไม่มีท่านไหนที่จะอยู่ในองค์กรใดองค์กรหนึ่งจนถึงวันเกษียณ ถ้ามีก็คือน้อยมาก ดังนั้นการอ่านหนังสือเล่มนี้ จะทำให้เห็นเรื่องการเตรียมตัว การวางแผน ไม่ว่าจะออกไปเพื่อก้าวสู่เส้นทางใหม่ หรือออกไปเพื่อเป็นนายตัวเอง หนังสือเล่มนี้เหมาะสมมาก

หนังสือเล่มนี้คนทำงานควรอ่าน เพราะวันดีคืนดีโดนเชิญออก เพราะยุคนี้มีสิ่งที่ทดแทนเราได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น ถ้าเรามีทางเลือก เราก็สามารถทำงานได้อย่างมีความสุข ที่บอกว่าอดทน แต่ว่าอย่าต้องทนทุกข์ ต้องตัดใจและเชื่อมั่นว่า ทางที่เราวางแผนไว้จะดีขึ้นเสมอ ดังนั้นคนที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะมีทางเลือกได้หลายทาง และมีความสุขในทางที่เราเลือก


และอย่างที่คุณมนตรีกล่าวค่ะ คนที่มีหนี้สินเยอะ ๆ มักไม่กล้าลาออก จริง ๆ แล้วคนเรา มีหนี้หรือค่าใช้จ่ายไม่กี่อย่าง ในเล่มนี้เขียนชัดเจน ว่าค่าใช้จ่ายไหนจำเป็น ไม่จำเป็น เช่น บางท่านต้องดูแลบุพการี บางท่านมีภรรยามีลูก ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ดังนั้นหนังสือเล่มนี้ กำลังบอกเราว่า ถ้าค่าใช้จ่ายเหล่านั้นจัดการได้ เราก็มีทางเลือกให้ชีวิตได้อย่างดี ถ้าเราไม่มีทางเลือกให้ตัวเอง ค่าใช้จ่ายเหล่านั้นก็ไม่หมดไป วันดีคืนดีโดนให้ออก หนักเลย ซึ่งส่วนใหญ่คือภาระหนี้สิ้นที่ทำให้ไปไหนไม่ได้ และเสริมว่าหนังสือเล่มนี้ ไม่เฉพาะคนทำงานที่ควรอ่าน จริง ๆ แล้วผู้บริหารหรือเจ้าของกิจการก็ควรอ่านด้วย เพราะการดูแลลูกน้องหรือพนักงานในองค์กร เช่น ถ้าเรารู้ว่าใครเป็นหนี้ เราจะได้ช่วยจัดการ ทำให้เขาทำงานอย่างมีความสุข ไม่ต้องวิตกกังวลกับภาระที่เขามีได้

ในฐานะบรรณาธิการบริหารของหนังสือเล่มนี้ เห็นเลยว่าหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์กับคนทำงาน ทั้งคนที่เพิ่งเริ่มทำงานหรือทำงานมาหลายปีแล้ว ในเรื่องการเพิ่มทางเลือก เตรียมความพร้อมให้ชีวิต การที่เราได้อ่านหนังสือของคนที่ออกจากวงการนี้มาได้เป็นเรื่องที่น่าศึกษาน่าติดตาม ขอฝากหนังสือเพราะการลาออกไม่ใช่แค่เดินไปบอกเจ้านาย เล่มนี้ด้วยค่ะ


-----------------------------------
หนังสือ เพราะการลาออกไม่ใช่แค่เดินไปบอกเจ้านาย
ผลงานโดย : คุณมนตรี ร่มโพธิ์
ราคา 245 บาท
วางจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
สนใจสั่งซื้อคลิก : https://bit.ly/3yJjKyy
หรือสั่งซื้อได้ที่ Line ID: @wishbooks

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้